วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

องค์การ กับ องค์กร ต่างกันยังไง....?

ปัญหาเรื่องการใช้ภาษาไทยในทุกวันนี้ ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นเป็นลำดับ และคำหนึ่งคำที่มักจะมีการสับสนในการใช้อยู่บ่อย ๆ คือ คำว่า องค์กร กับ องค์การ เอ้แล้วตกลงเราควรจะใช้คำว่าอะไรกันแน่นะ ในเมื่อทั้ง 2 คำนี้ก็มีการเขียนที่คล้าย ๆ กัน แต่ว่าความหมายจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรนั้น เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าคะ
บทความนี้เป็นบทความที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนรายวิชาพฤติกรรมองค์การ โดยมีจุดประสงค์ที่จะให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับคำว่า องค์กร  ” กับ องค์การ เนื่องจากหลายคนยังคงมีความสงสัยเกี่ยว 2 คำนี้อยู่ ว่าจริง ๆ แล้วเราควรจะเรียกว่า พฤติกรรมองค์การ หรือ พฤติกรรมองค์กร กันแน่ ดังนั้น ก่อนอื่นเรามาทราบความหมายของคำว่า องค์การ กับ องค์กร กันก่อนดีกว่าคะ
องค์การ กับ องค์กร มีความหมายที่แตกต่างกัน ความหมายขององค์กรตามพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.. 2542 กล่าวไว้ว่า องค์กร เป็นศัพท์บัญญัติตรงกับภาษาอังกฤษว่า Organ มีความหมายตามพจนานุกรม คือ บุคคล คณะบุคคล หรือสถาบันซึ่งเป็นส่วนประกอบของหน่วยงานใหญ่ที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กันหรือขึ้นต่อกัน เช่น คณะรัฐมนตรีเป็นองค์กรบริหารของรัฐ สภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรของรัฐสภา แต่ในบางกรณี องค์กรก็หมายความรวมถึงองค์การด้วย ส่วนองค์การ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Organization มีความหมาย คือ เป็นศูนย์รวมกลุ่มบุคคลหรือกิจการที่ประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยงานเดียวกัน เพื่อดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย หรือตราสารจัดตั้ง ซึ่งอาจเป็นหน่วยงานของรัฐ เช่น องค์การของรัฐบาล หน่วยงานเอกชน เช่น บริษัทจำกด สมาคม หรือหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ  พูดง่าย ๆ ก็คือ องค์การ เป็นระบบของกลุ่มกิจกรรมที่มีการประสานงานระหว่างกันหรือการรวมกลุ่มของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
ชีวิตประจำวันของเราในทุกวันนี้ ต้องมีเรื่องให้เกี่ยวข้องกับองค์การอยู่เสมอ โดยเฉพาะในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานบริษัท งานข้าราชการ หรืองานโรงงานต่าง ๆ  ก็ล้วนแต่เป็นองค์การทั้งสิ้น และเมื่อมีองค์การก็ต้องมีคนมาทำงานและมีการอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะทำงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง โดยที่บุคคลเหล่านั้นก็ต้องแสดง
พฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา มีการทำกิจกรรมร่วมกัน มีการพบปะพูดคุย มีการโต้เถียง รวมถึงมีการขัดแย้งกันบ้างตามประสาคนหมู่มาก โดยพฤติกรรมเหล่านี้ก็มีทั้งในด้านบวกและด้านลบ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า พฤติกรรมองค์การ ก็คือ การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ที่อยู่ในองค์การนั้น ๆ ด้วยความที่องค์การประกอบไปด้วยคนจำนวนมากมาอยู่รวมกัน โดยแต่ละคนก็มีพื้นฐานที่มาแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ ทัศนคติต่าง ๆ เราจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาว่าจะทำอย่างไร ให้บุคคลที่มีความแตกต่างกันมากมายเหล่านั้นจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา หรือให้มีปัญหาให้น้อยที่สุด
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ถ้าหากมีเพียงบุคคลต่าง ๆ มารวมกลุ่มกันก็ยังไม่ถึงว่าเป็น องค์กรองค์กรจะต้องเป็นส่วนหนึ่งขององค์การ และมีหน้าที่เฉพาะที่เป็นของตน และองค์การก็ยังมีหน้าที่ที่จะต้องเอาองค์กรต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกันมารวมเข้าด้วยกัน และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรต่าง ๆ ให้ทำหน้าที่ประสานกันอย่างเป็นระบบ คล้าย ๆ กับเครื่องจักรที่มีชิ้นส่วนหลาย ๆ ชิ้นมาประกอบกัน และแต่ละชิ้นก็มีหน้าที่ต่างกัน ซึ่งชิ้นส่วนแต่ละชิ้นนั้นก็เปรียบเสมือนองค์กร เมื่อนำเอาชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมาประกอบกัน และทำให้มันทำงานได้อย่างมีระบบระเบียบ ก็จะกลายเป็นองค์การเพราะฉะนั้นถ้าหากต้องการพูดหรือเขียนข้อความที่ให้ความหมายถึงบริษัท ก็ควรจะใช้คำว่าองค์การตามความหมายที่บอกไว้ในพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.. 2542 นะคะ

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

The Idol - ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย

ถ้ายังมิได้อ่านสามก๊กอย่าริคิดทำการใหญ่

"ถ้ายังไม่ได้อ่านสามก๊กอย่าคิดทำการใหญ่"
    จากข้อความด้านบนนี้หลายๆคนคงจะเคยได้ยินมาบ้าง ตัวกระผมเองก็เคยได้อ่านสามก๊กมาบ้าง จึงได้เข้าใจถึงคำพูดอันล้ำลึกนี้ ด้วยว่า วรรณกรรมเรื่องสามก๊กเป็นประวัติศาสตร์จีน ซึ่งตกอยู่ในยุคของสงครามมีการใช้กลอุบาย ล่อหลอกมากมาย ให้ทั้งความบันเทิงและแง่คิดไว้มากมาย ผมจะขอสรุปเท่าที่ปัญญาอันน้อยนิดได้กลั่นกรองผ่านการอ่านมาให้เพื่อนๆ ดังนี้
จะทำงานใหญ่ต้องเริ่มที่คน
    ในที่นี้เพื่อนๆอาจจะบอกว่าถ้าจะคิดการใหญ่ต้องเริ่มที่ตนเอง นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญอันดับแรก แต่การทำอะไรด้วยตัวเองทุกๆอย่างเป็นเรื่องที่ยากมาก นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจึงต้องมีผู้ร่วมงานมาช่วยสนับสนุนจึงจะประสบความสำเร็จ ดังที่จะเห็นบริษัทหรือ องค์กรต่างๆมีการแบ่งแผนก แล้วคัดสรรบุคลากรที่มีความสามารถในด้านนั้นๆมาทำงานในองค์กรของตนเอง
    ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างบุรุษที่มีชื่อว่า เล่าปี่ เล่าปี่นั้นเกิดในตระกูลต้อยต่ำทอเสื่อขายเลี้ยงชีพแต่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ ใฝ่ฝันว่าจะเป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง เมื่อครั้งเกิดจลาจล โดยประชาชนรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลโดยใช้ผ้าเหลืองโพกหัวแสดงเจตนารมณ์เพราะ ในยุคสมัยนั้นกษัตริย์ไม่ได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมเชื่อฟังคนพาลห่มเหงราษฎรให้ได้รับความเดือนร้อนไปทั่ว ฝ่ายรัฐบาลของพระเจ้าเลนเต้เห็นการจลาจลใหญ่หลวงนักจึงออกประกาศให้ตั้งกองทหารอาสา เล่าปี่เล็งเห็นโอกาสในวิกฤตจึงคิดจะอาสาเข้ารบกับกองทัพประชาชน แต่ก็ยังจนใจด้วยตัวเองก็ไม่ได้มีฝีมือการรบมากทั้งสติปัญญาจะว่าเลิศกว่าคนอื่นๆก็แต่พอประมาณ ก็เลยถอนหายใจแต่ก็เหมือนฟ้าลิขิต เตียวหุย เตียวหุยกับเล่าปี่จึงได้พูดคุยกันก็เกิดถูกคอพากันไปดื่มสุรา แล้วก็พบกับ กวนอู จึงเชิญให้นั่งดื่มสุราด้วยกัน เล่าปี่ก็เล่าความคิดของตัวว่าจะอาสาแผ่นดินช่วยชาติ เตียวหุย กวนอูก็ จะไปกับเล่าปี่ด้วย ซึ่งเล่าปี่ได้กวนอูเตียวหุยร่วมทำงานกันนั้นเป็นเพราะเล่าปี่รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีความสามารถ จะเป็นที่พึ่งให้กับเล่าปี่ได้ ต่อมาหลังจากนั้นไม่นานเล่าปี่ก็เล่นการเมืองแต่ยังอยู่ในระดับท้องถิ่น ครั้งได้ จูล่ง มาก็คิดการใหญ่จะครอบครองแผ่นดินโค่นล้มรัฐบาล โจโฉ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตกระกำลำบาก เล่าปี่นั้นได้ไปพบกับนักปราชญ์ชื่อว่า
สุมาเต็กโช สุมาเต็กโชได้แนะนำบอกว่าเล่าปี่นั้นมีคนช่วยอยู่ก็จริงแต่ขาดคนมีสติปัญญามาช่วยงาน เล่าปี่จึงเสาะหาปราชญ์จนได้ ขงเบ้ง มาเป็นกุนซือ จึงลืมตาอ้าปากได้จนสุดท้ายได้เป็นฮ่องเต้
    จะเห็นได้ว่าไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปนานเท่าไหร่ผู้ที่ประสบความสำเร็จได้นั้นมักจะมีผู้คนช่วยเหลืออยู่เสมอถ้าท่านผู้อ่านคิดจะทำงานใหญ่ให้สำเร็จก็จงเสาะหาคนดีมีความรู้มาร่วมงานเถิด
    ในบทความนี้ผมได้ย่อสรุปเนื้อหาให้สั้นถ้าผู้อ่านมีความใคร่อยากศึกษาเรื่องราวสามก๊กจริงๆ ก็หาซื้อได้ไม่ยากนัก ผมหวังว่าผู้อ่านจะได้ข้อคิดไม่มากก็น้อย ขอขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม


                                                                                                                        รังสิมันตุ์ วันเนาว์

แนะนำตัวกันก่อน

  สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนและผู้มีเกียติที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของเรา บล็อกของเราจัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องในแวดวงธุรกิจ โดยผ่านความคิดของเราเองเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเป็นประโยขน์แก่ผู้อ่านที่สนใจจะทำธุรกิจทุกๆท่าน ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของเราแต่ถึงอย่างไรเราก็ถูมิใจที่จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อผู้อ่านทุกๆคน ขอบคุณค่ะ  ^ ^